การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง ปัจจุบันความหลากหลายของเพศเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
จึงมีอิสระในการเลือกเพศสภาพได้ตามต้องการ ผู้ที่มีภาวะทางจิตใจ ที่เกิดความขัดแย้งระหว่างการรับรู้เพศและสภาพร่างกายที่ไม่สอดคล้องกัน ตั้งแต่กำเนิดซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า Gender Dysphoria โดยการผ่าตัดเพื่อให้มีอวัยวะเพศตรงตามสภาพจิตใจที่ต้องการของตนเอง และทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขกับเพศที่ตนเองได้เลือกใหม่ ด้วยเทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัยและปลอดภัย สามารถสร้างอวัยวะเพศหญิงให้ได้ใกล้เคียงธรรมชาติ รวมถึงการรับความรู้สึกทางเพศที่ไม่ด้อยไปกว่าเดิมอีกด้วย จึงเป็นการผ่าตัดครั้งสำคัญที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจเลือกแพทย์ผู้ผ่าตัด ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ และมีความชำนาญในการผ่าตัดแปลงเพศเป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้ได้รับรูปร่างของอวัยวะเพศภายนอกสวยงามเหมือนธรรมชาติ มีความลึกของช่องคลอดตามความเหมาะสมกับสภาพของร่างกาย และสามารถรับความรู้สึกทางเพศได้ดี จะช่วยให้ผู้ที่รับการผ่าตัดมีสภาพร่างกายสอดคล้องกับสภาพจิตใจ สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมั่นใจและมีความสุข
การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศมีด้วยกันหลายเทคนิคแพทย์และคนไข้จะต้องประเมินความต้องการและความเหมาะสมกับตัวคนไข้เองโดยคำนึงความพึงพอใจและความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งโรงพยาบาลเอเซีย สามารถทำศํลยกรรมแปลงเพศ (จากชายเป็นหญิง) มีเทคนิคทั้งหมด 5 วิธี ดังนี้
1.SRS 0 Type A External Correction
ทำภายนอก ไม่ทำช่องคลอด ในกรณีที่ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์
2.SRS 1 Type B Penile Inversion
วิธีนี้คือการเอาหุ้มปลายของอวัยวะเพศมาสร้างช่องคลอดใหม่ ยิ่งอวัยวะเพศมีขนาดใหญ่ยิ่งทำให้ช่องคลอดที่สร้างใหม่ยิ่งลึกมากขึ้น ข้อดีวิธีนี้สามารถทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 4 วัน ข้อเสีย ไม่เหมาะสำหรับผู้มีองคชาติสั้นกว่า 4 นิ้วเพราะจะทำให้ช่องคลอดตื้น
3.SRS 2 Type C Scrotal Skin Graft
นำถุงอัณฑะมาทำช่องคลอด ยิ่งถุงอัณฑะขนาดใหญ่เท่าไหร่ช่องคลอดยิ่งลึกมากเท่านั้น โดยการนำถุงอัณฑะ เลาะให้บางที่สุดนำไปทำเป็นผนังช่องคลอด ข้อดี ใครที่มีปัญหาเรื่ององคชาติสั้น สามารถใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ลึกกว่าเดิมได้ ข้อเสีย วิธีนี้ค่อนข้างจะยุ่งยากและซับซ้อนต้องใช้ฝีมือและความชำนาญอย่างสูงซึ่งทางศูนย์ศัลยกรรมของเราสามารถทำได้ เวลาที่ใช้ประมาณ 6 ชั่วโมง และนอนอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 6 คืน
4.SRS 3 Type D Colon Vaginoplasty
วิธีนี้เป็นวิธีในอุดมคติเลยก็ว่าได้ เป็นวิธีการที่เราจะนำลำไส้ใหญ่มาสร้างเป็นช่องคลอด จะทำให้ช่องคลอดลึกมากๆ
5.SRS –PPV (Penile-Peritoneal Vaginoplasty)
การผ่าตัดแปลงเพศด้วยเทคนิคนี้ เป็นเทคนิคใหม่ที่ผสมผสานระหว่างการนำเอาผิวหนังจากองคชาด และ เนื้อเยื่อจากผนังหน้าท้องด้านใน( Peritoneal)ดึงลงมาต่อกัน เพื่อทำช่องคลอดเทียม การผ่าตัดเอาผนังหน้าท้องด้านในออกมา มี 2 วิธีคือ
- การผ่าตัดด้วยกล้อง( Laparoscope Method) จะนิยมมากกว่าเพราะ ไม่มีแผลเป็น
- การผ่าตัดด้วยการเปิดหน้าท้อง ( Open Method)
เอกสารทางการแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ผล X-ray ปอด
- ใบรับรองจากจิตแพทย์ 2 ใบ
- ผลการตรวจเลือด
เตรียมตัวก่อนผ่าตัดแปลงเพศ
ท่านต้องเข้ารับการตรวจร่างกายเสียก่อน ว่าร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์พร้อมที่จะทำการผ่าตัด หรือโรคที่เสี่ยงต่อการผ่าตัดแปลงเพศ เนื่องจากการผ่าตัดแปลงเพศนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ ยาสลบ จึงทำให้ท่านต้องมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีการตรวจเลือด เพื่อทำการตรวจโรค ที่มากับเลือด ตรวจสอบอวัยวะเพศเดิมว่ามีขนาดสั้นหรือเล็กอาจทำให้ช่องคลอดตื้น จำเป็นจะต้องนำ ลำไส้ใหญ่เข้ามาช่วยเพื่อ ให้ได้ลึกตามต้องการ หากเคย ขลิปมา ก็จะมีผลเช่นกัน
ขั้นตอนการผ่าตัดแปลงเพศ
- แพทย์จะทำการให้ยาสลบ
- แพทย์จะดำเนินการเจาะช่องเพื่อเป็นช่องคลอด โดยจะเจาะบริเวณกล้ามเนื้อให้มีความลึกพอสมควร
- นำหนังจากอวัยะเพศมาทำเป็นผนังช่องคลอดหรือจากถุงอัณฑะ นำมาสร้างเป็นผนังของช่องคลอด
- เก็บเส้นเลือดและเส้นประสาทรับรู้ไว้เพื่อนำมาสร้างคลิตอริส ตัดท่อนำเชื้อให้เหลือสั้นที่สุด
- ตัดแกนขององคชาตออกไป
- จัดตำแหน่งให้อยู่ถูกที่ ตกแต่งให้ปัสสาวะพุ่งลงล่าง หากหมอทำไม่ดีอาจจะทำให้เกิดการพุ่งขึ้นได้
- แต่งแคมนอกแคมใน ให้สวยงามและมีความสมบูรณ์ที่สุด
การดูแลหลังการผ่าตัด
ท่านจะต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาล 4-6 วัน โดยจะต้องปฏิบัติตัวดังนี้
- งดอาหารที่กระตุ้นการขับถ่ายทุกชนิด เช่น อาหารที่มีกากใยสูง นมเปี้ยว น้ำผลไม้ โยเกิรต์ เป็นต้น
- ช่วง 1-2 วันแรกให้นอนหงาย และยกสะโพกสูง แยกขาทั้ง 2 ข้างออกจากกัน จะช่วยบรรเทาอาการบวม
- หลังจากนั้น 3 วันสามารถนอนตะแคงได้
- วันที่ 4 แพทย์จะทำการถอดสายที่ไปทำหน้าที่ระบายเลือดที่เสียออก และทำการเปิดบาดแผล ทำความสะอาด และนำสายปัสสาวะออก แต่ถ้าคนที่ใช้ลำไส้ใหญ่ในการทำจะต้องใส่สายปัสสาวะไปทั้งหมด 6 วัน
- สำหรับผู้ที่ผ่าตัดแบบนำลำไส้ใหญ่มาทำผนังช่องคลอด จำเป็นจะต้องงดน้ำงดอาหารจนกว่าจะมีการผายลมออกมาจึงจะสามารถรับประทานได้
- สำหรับผู้ที่ผ่าตัดโดยการสร้างผนังช่องคลอดจากผิวหนังองคชาตและถุงอัณฑะ ทำการเปิดบาดแผลและทำความสะอาด นำผ้าก๊อตออก
- สำหรับผู้ที่ผ่าตัดโดยการสร้างผนังช่องคลอดจากผิวหนังองคชาตและถุงอัณฑะ นำสายสวนปัสสาวะออก กลับบ้านได้
- แพทย์จะนัดเวลากลับมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อทำการตัดไหมแล้วแพทย์จะใช้ Dilator ขยายช่องคลอดเพื่อคงในส่วนของความกว้างและความลึกไว้ ควรหมั่นขยายวันละ 2 ครั้ง อย่างน้อยๆ 30 นาที
- ต้องหมั่นทำความสะอาดแผล
- งดการมีเพศสัมพันธ์ 2 เดือน
- แพทย์จะนัดพบทุกๆ 1 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัดเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อตรวจดูอาการต่างๆ เพื่อที่จะได้สวยงาม เป็นธรรมชาติที่สุด
รีวิวแปลงเพศ