ศัลยกรรมผ่าตัดกระชับช่องคลอด (Vaginoplasty) เป็นวิธีการในการรักษาภาวะหย่อนคล้อยของผนังช่องคลอดหรือภาวะช่องคลอดหลวม โดยผ่าตัดเพื่อให้ช่องคลอดผู้หญิง ภายในฟิตและกระชับมากขึ้น
เป็นการรีแพร์ช่องคลอดและเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบ ให้แคบลงเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงอีกครั้ง
ส่วนใหญ่อาการช่องคลอดหลวม มักจะเกิดหลังคลอดบุตรไปสักระยะ หรือเริ่มมีอายุมากขึ้น ซึ่งจะมีก้อนโผล่ออกมาบริเวณปากช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดจากลำไส้ดันผนังช่องคลอดทางด้านหลังหรือผนังช่องคลอดด้านหน้าที่หย่อนออกมาจนเกิดมีอาการปัสสาวะเล็ด ซึ่งสาเหตุเกิดเนื่องจากโครงสร้างต่างๆที่พยุงอุ้งเชิงกรานนั้นเสื่อมตัว หรือบางครั้งพบในเด็กและผู้หญิงวัยรุ่นที่อาจมีหลายสาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดไม่กระชับ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ การปรับรูปร่างช่องคลอดให้กลับมาเข้าที่ สามารถทำได้ด้วยศัลยกรรมรีแพร์ตัดตกแต่งช่องคลอด
สาเหตุ ที่ช่องคลอดหลวม ได้แก่
- อายุที่มากขึ้น
- ผู้หญิงวัยรุ่นที่รู้สึกช่องคลอดไม่กระชับ จากรูปร่างหรือพันธุกรรม
- การคลอดบุตรหลายคน
- เกิดตามหลังการตัดมดลูก เพราะการตัดมดลูกทําให้มีการตัดหรือเกิดการทําลายโครงสร้างต่างๆรวมทั้งเอ็นและเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆปากมดลูก
- ในเคสที่มีเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
- คนที่ยกของหนักเป็นประจำ
การผ่าตัดรักษาและระยะเวลาการผ่าตัด
เป็นการผ่าตัดเอาผนังช่องคลอดส่วนเกินทั้งด้านหน้าและด้านหลังของผนังช่องคลอดออกไปบางส่วนแล้วเย็บกล้ามเนื้อและผนังช่องคลอดเข้าหากันเพื่อให้กระชับ วิธีการนี้จะทำให้ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนดีขึ้น และในขณะเดียวกันก็ทำให้ช่องคลอดกระชับขึ้นด้วย
วิธีที่ 1. การผ่าตัดรีแพร์ช่องคลอดด้านหน้า
วิธีที่ 2. การผ่าตัดรีแพร์ช่องคลอดด้านหลัง
การผ่าตัดทำภายใต้การดมยาสลบในห้องผ่าตัดใหญ่ใช้เวลาในการผ่าตัด 1-2 ชั่วโมง หลังผ่าตัดต้องใส่ท่อสวนปัสสาวะไว้ประมาณ 48 ชั่วโมง (นอนโรงพยาบาล 1 คืน) เพื่อลดแรงดันในกระเพาะปัสสาวะ
คำแนะนำ
- ควรทำช่วงไม่มีประจำเดือน ซึ่งส่งผลต่อแผลได้ จึงควรเริ่มทำช่วงหมดประจำเดือนใหม่ๆ ในสัปดาห์แรก
- Vaginoplasty แบ่งเป็นการรีแพร์ด้านหน้า และ ด้านหลัง (ด้านใน) ของช่องคลอด
- ปกติการกระชับช่องคลอดเพียงอย่างเดียว นิยมทำการรีแพร์ด้านหลัง ซึ่งพักฟื้นไม่นาน เจ็บน้อย ปลอดภัย
- ข้อดีของ Vaginoplasty แบบรีแพร์ด้านหน้า จะช่วยแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด แต่ถือเป็นการทำศัลยกรรมที่เสียเลือดมาก จึงต้องทำที่โรงพยาบาลเท่านั้น
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดกระชับช่องคลอด
- งดยาและอาหารที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน น้ำมันปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- ถ้ามีโรคประจำตัวและแพ้ยาต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
- อาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนมาผ่าตัด
- เตรียมกางเกงชั้นในหลวมๆ สำหรับใส่หลังผ่าตัด
- เนื่องจากการผ่าตัดจะทำให้เสียเลือดบางส่วน ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัด
- ควรมาทำก่อนหรือหลังมีประจำเดือน 1 สัปดาห์
การดูแลแผลหลังผ่าตัดกระชับช่องคลอด
- แพคผ้ากอสซับเลือดในช่องคลอดไว้ 24 ชั่วโมง
- หลังจากการผ่าตัด 2-3วันแรก อาจจะมีอาการรู้สึกเหมือนอยากขับถ่ายบ่อยๆ เนื่องจากมีการเย็บผนังช่องคลอดอยู่ใกล้กับลำไส้ใหญ่ ปัญหานี้จะดีขึ้นด้วยการพักผ่อนอย่างเพียงพอร่วมกับการได้รับยาระบาย
- หลังผ่าตัด 2-3 วัน ถอดสายปัสสาวะออก
- อาบน้ำได้หลังจากที่แพทย์ถอดสายปัสสาวะ
- หลีกเลี่ยงการทำความสะอาด อวัยวะเพศด้วยน้ำเปล่า หลังการปัสสาวะ แต่ให้ใช้ทิชชู่เช็ดทำความสะอาดแทน อาจใช้น้ำได้หลังการถ่ายอุจจาระแล้ว ใช้ทิชชูเช็ดให้แห้ง และห้ามทำความสะอาดในช่องคลอดอย่างน้อย 2 อาทิตย์
- หลังผ่าตัด 2-3วัน ให้ขยับตัวเบาๆเพื่อหลีกเลี่ยงการฉีกขาดของแผล
- หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ อาจจะมีเลือดซึมออกมาจากช่องคลอด ควรใส่ผ้าอนามัยตลอดเวลา ในกรณีที่มีเลือดออกมาก แผลบวมแดงและมีไข้สูง ต้องติดต่อโรงพยาบาลทันที
- งดออกกำลังกายหนักๆ อย่างน้อย 2 เดือนหลังการผ่าตัด
- งดมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 3 เดือนหลังผ่าตัด
- หยุดแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เพื่อให้แผลสมานเร็ว
- อาจจะมีการตกขาว ที่มีสีเหลืองอมเขียวก็ได้ ภายหลัง หลังจากการผ่าตัด 6-8 สัปดาห์ ซึ่งอาจจะเกิดจากแบคทีเรียตามปกติที่อยุ่ในช่องคลอด หรืออาจจะเกิดจากการระคายเคืองของไหมเย็บแผลในช่องคลอด
- หลังการผ่าตัด อาจจะมีอาการคันหรือระคายเคือง จากไหมที่ละลายไม่หมดให้ติดต่อพบแพทย์เพื่อตรวจและให้ยารักษาอาการคัน