ปรึกษาศัลยกรรม

สอบถามราคาและโปรโมชั่น

ปรึกษาศัลยกรรม

สอบถามราคาและโปรโมชั่น

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ตามธรรมชาติ หนังตาบริเวณด้านข้างจะตกก่อน ซึ่งเรียกว่า “หางตาตก” มักเกิดร่วมกับ ภาวะคิ้วตก และรอยตีนกา บริเวณหางตานั่นเอง ใกล้กับขมับนั่นเอง โรงพยาบาลเอเซียสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ด้วย ศัลยกรรมดึงหางคิ้ว หางตา Lateral Brow lift 

ศัลยกรรมดึงหางคิ้ว หางตา Lateral Brow lift

แก้ปัญหารอยย่นหรือรอยตีนกาบริเวณหางตาและแก้ไขปัญหาหางคิ้วที่ตก ด้วยการผ่าตัดยกขึ้น โดยแพทย์จะตัดหนังตาส่วนเกินออกและยกหางคิ้วหางตาขึ้น เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ลักษณะของแผลจะซ่อนอยู่ที่ไรผมบริเวณขมับ ช่วยให้รูปคิ้วโค้งขึ้นและสามารถลดรอยลึกของตีนกาได้ นอกจากนี้แล้ว บางครั้งสามารถทำร่วมกับการตัดกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยตีนกาได้ ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง อย่างเป็นธรรมชาติ 

ข้อดีของการศัลยกรรมดึงหางตา หางตา (Lateral Brow lift)

  • สามารถยกหางตาได้มาก
  • ชั้นตาที่ตกดูดีขึ้น 
  • แก้รอยตีนกาได้
  • ยกหางคิ้วได้ 
  • โหนกแก้มยกขึ้น
  • ริ้วรอยบริเวณร่องแก้มดีขึ้น 
  • ทำให้ใบหน้าดูอายุน้อยลง
  • ผลที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ 
  • โดยแผลซ่อนอยู่ที่ไรผมบริเวณขมับ

เทคนิคการผ่าตัดดึงหางคิ้วหางตา มี 2 เทคนิคด้วยกัน

เทคนิคที่ 1

ลงแผลภายในไรผมเช่นเดียวกับวิธีการดึงหน้า วิธีนี้จะไม่เห็นแผลบริเวณใบหน้า แต่จะไม่สามารถดึงหน้าได้ตึงมาก สามารถทำผ่าตัดโดยฉีดยาชาได้ หรือถ้าผู้ป่วยต้องการวางยาสลบก็ได้เช่นกัน

เทคนิคที่ 2 

วิธีที่ลงแผลผ่าตัดที่ไรผม ใช้กับผู้ที่มีหน้าผากกว้างอยู่แล้ว เริ่มมีศีรษะล้าน และไม่ต้องการให้หน้าผากกว้างมากขึ้น เป็นวิธีที่มองเห็นแผลเป็นที่ไรผมแต่ไม่มีการเพิ่มความกว้างของหน้าผาก

รีวิวดึงหางคิ้วหางตา

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดดึงหางคิ้ว หางตา

  1. แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว, ประวัติการผ่าตัด, ประวัติการแพ้ยา, ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  2. ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, Coumadin, Plavix หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID เช่น Voltaren, Brufen หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  3. งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
  4. ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
  5. งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่างๆบนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)
  6. งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัดลดลง โดยมีโอกาสให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
  7. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  8. ก่อนการผ่าตัด คนไข้ต้องทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
  9. คนไข้ต้องเข้ามาทำการตรวจเลือดที่รพ.อย่างน้อย 5-7 วันก่อนการผ่าตัด (กรณีไม่สะดวกเข้ามาเจาะเลือดที่รพ.สามารถส่งผลตรวจเลือดมาได้)
  10. กรณีคนไข้ที่มีอายุเกิน 45 ปี ต้องมีผลตรวจสุขภาพและใบรับรองแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์)
  11. เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่

การดูแลหลังการผ่าตัดดึงหางคิ้ว หางตา

  1. ประคบเย็นที่ใบหน้า (บริเวณหน้าผาก, แก้ม 2 ข้าง) วันละ 4 ครั้ง เพื่อลดอาการบวม  ประมาณ  7 – 10 วัน
  2. นอนยกศีรษะสูง (หนุนหมอน  2 ใบ) เพื่อลดอาการบวม
  3. ถ้าดมยาสลบจะมีผ้าตาข่ายที่พันบริเวณใบหน้านั้นปิดไว้เพียง 1 วัน เช้าวันรุ่งขึ้นให้ตัดหรือแกะออก จากนั้นสระผมได้โดยเกาอย่างเบามือ เพื่อล้างคราบเลือดออก ซับแล้วเป่าผมให้แห้ง  สามารถสระผมได้ทุกวันตามปกติ
  4. 7  วันหลังทำการผ่าตัด  ให้มาคลายไหมที่ศีรษะเพื่อลดอาการตึงและสุขสบายขึ้น
  5. 10 วันและ 14 วัน หลังทำการผ่าตัด ให้มาตัดไหมทั้งหมดออก (พร้อมทั้งพบแพทย์เพื่อตรวจแผล)
  6. หลังจากคลายไหมแล้ว ใช้ยาทาแผลเป็น ทานวดที่แผล เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนแข็ง (ทานวดประมาณ 3  เดือน) วันละ  2 ครั้ง  ทุก ๆ วัน
  7. รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดอาการแพ้ยา  เช่น  มีผื่นแดง, คัน, คลื่นไส้อาเจียน, แน่นหน้าอก  ให้มาพบแพทย์ทันที